Pseudotumor Oculi : อาการตาอักเสบ
• Pseudotumor Oculi •
อาการตาอักเสบ : เนื่องจากมีก้อนเนื้อบวมดันออกมาจากด้านใน ทำให้ตาบวม , ปวดตา , ลืมตาไม่ขึ้น , มีอาการเหมือนมองไม่ค่อยชัด , มีอาการอักเสบและแดงบริเวณตาขาว
เราตื่นมาในตอนเช้า และพบว่าตาข้างซ้าย เหมือนลืมตาได้ไม่สุด เราจึงไปส่องกระจก พบว่าเบ้าตามีการบวม เวลากรอกตาจะปวดๆ ตอนแรกไปพบแพทย์ เพราะคิดว่ามีอะไรเข้าตา
การไปพบแพทย์ครั้งแรกนั้น หมอก็ให้ยาแก้อักเสบ ยาแก้แพ้ ยาหยอดตา น้ำเกลือล้างตา กลับบ้านให้กินและหยอดตา ตามแพทย์สั่ง อาการบวมเหมือนจะดีขึ้น ภายใน 2 - 3 วัน อาการปวดยังทรุดๆทรงๆ อาการบวมยุบลงบางส่วน เกือบจะปกติค่ะ แต่หลังจากนั้น ประมาณ 3 วัน อาการเดิมๆกลับมาอีกครั้ง
ฉันเลยตัดสินใจไปพบแพทย์อีกครั้ง แต่เลือกนัดแพทย์ที่เคยรักษา พอพบคุณหมอ คุณหมอก็ไล่หาสาเหตุ จากที่เคยคิดว่ามีอะไรเข้าตา ก็คิดว่าไม่ใช่แล้ว คุณหมอเช็คให้อย่างละเอียดค่ะ ประสาทตา การมองเห็น ความดันตา ต้อ
การรักษารอบที่ 2 : คุณหมอทำเรื่องให้แอดมิทโรงพยาบาลเพราะต้องให้ยาฆ่าเชื้อ เช้าและเย็น เป็นเวลา ติดต่อกัน 3 วัน และให้ทำการ X-ray ไซนัส และ ทำ CT Scan ตา
ผลไซนัสปกติดีค่ะ แต่ผลจากการอ่าน CT Scan ตา คุณหมออ่านผลให้ฟังบอกว่ามันมีก้อนเนื้อบวมและดันออกมาทำให้เบ้าตาบวมและอักเสบ (แบบไม่ทราบสาเหตุ คุณหมอบอกว่าไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดจากอะไร) และกรณีของเราไม่ใช่เนื้อร้ายและไม่ใช่มะเร็ง เป็นเพียงก้อนเนื้อ ( เราได้ถามคุณหมอว่ามีโอกาสกลับมาเป็นได้อีกไหม คุณหมอบอกว่าสามารถกลับมาเป็นได้อีก T^T )
( รูปเป็นรูปที่ทำขึ้นมานะคะ ข้างที่วงสีแดงคือข้างที่มีก้อนเนื้อบวมขึ้นมาค่ะ สังเกตุตรงสีขาวๆนั้นคือส่วนที่ดันลูกตาออกมาทำให้ตาโปน ข้างที่เป็นสีเหลืองคือดวงตาข้างที่ปกติค่ะ )
ต่อนะคะ หลังจากที่ให้ยาฆ่าเชื้อมาแล้ว 3 วัน ตาด้านนอกที่บวมโปนค่อยข้างยุบลงคะ แต่มีอาการปวดเวลากรอกตาอยู่ และเวลามอง ซ้ายขวา ขึ้นลง ยังมองไปได้ไม่สุด และเวลามองขึ้นข้างบนยังเห็นภาพซ้อน คุณหมอจึงตัดสินใจ ให้ยา สเตียรอยด์ ค่ะ ค่ะฟังไม่ผิดเคสของเรา ทำการรักษาได้ 2 วิธี
คือ 1.การฉายแสง และ 2.ให้ยาสเตียรอยด์
หลังจากที่สอบถามคุณหมอเรียบร้อยแล้วว่า อันไหนรักษาได้ผลดีกว่ากันและผลข้างเคียงน้อยกว่ากัน จึงตัดสินใจใส่ยาสเตียรอยด์ ติดต่อกันอีกเป็นเวลา 3 วัน แต่ ไม่ต้องแอดมิทต่อค่ะ เพราะยาสเตียรอยด์ มาให้ยาตรงเวลา แค่รอบเดียวต่อวัน กรณีของเรา เราให้สเตียรอยด์ วันสุดท้ายก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว 1 เข็ม และติดต่อกันให้ต่ออีก 2 วัน ค่ะ และหลังจากนั้น ยังหยุดยาเลยไม่ได้นะคะ หากหยุดยาเลยอาจจะเกิดการรีบาวหรือบวมขึ้นมาอีกได้ หลังจากนั้น คุณหมอจะให้ยาเม็ดมาทานต่อค่ะ แล้วค่อยๆลดจำนวนลง จะเป็นสเตียรอยด์แบบเม็ดค่ะ แล้วก็มียาฆ่าเชื้อ และก็จะมียาลดกรดในกระเพาะค่ะ (ช่วงนี้ทานยาเยอะมากกกก...แฮร่แอบบ่น)
บางคนก็อยากทราบว่า "ผลข้างเคียงของ สเตียรอยด์เป็นไงบ้าง" สเตียรอยด์จะไปกดภูมิคุ้มกันต่างๆของร่างกายค่ะ ค่าเม็ดเลือดขาวเราสูงงงมากกว่าปกติ เหมือนจะมีไข้ ผิวแห้ง มีจุดแดงๆ แล้วก็บวมค่ะ ใช่ค่ะตัวบวมเลย ฮือออ อ อ อ . . . แต่รักษาตาก่อนดีกว่าค่ะ
บางคนแพ้เยอะก็มีนะค่ะ แต่คุณหมอที่รักษาเราเช็คละเอียดมากๆค่ะก่อนจะให้ยา เช็คทั้งไซนัส ตรวจเลือด ตรวจเบาหวาน ตรวจพยาธิ ก่อนจะให้ยา เพราะหลังจากให้ยาตัวยาจะไปกดภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงต้องเช็คให้ละเอียดก่อนค่ะ
บางคนแพ้เยอะก็มีนะค่ะ แต่คุณหมอที่รักษาเราเช็คละเอียดมากๆค่ะก่อนจะให้ยา เช็คทั้งไซนัส ตรวจเลือด ตรวจเบาหวาน ตรวจพยาธิ ก่อนจะให้ยา เพราะหลังจากให้ยาตัวยาจะไปกดภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงต้องเช็คให้ละเอียดก่อนค่ะ
ตอนนี้เรายังทานยาต่ออยู่นะค่ะแล้วก็ยังนัดติดตามอาการอยู่และปรับลดยาค่ะ แล้วเดี๋ยวคุณหมอจะทำการ CT ให้อีกรอบนึงเพื่อความสบายใจค่ะ
อ่านมาถึงตรงนี้เราค่อยข้างพิมพ์เยอะนิดนึง แต่พิมพ์ไว้เพื่อจะมีประโยชน์กับคนที่มีอาการแบบเราค่ะตอนที่เราเป็นค่อนข้างกังวลค่ะเพราะเป็นที่ดวงตาค่ะกังวลไปหมด เข้าไปหาอาการตามเน็ตอ่านก็ยิ่งกังวล แต่ถ้าหากใครมีอาการแบบเรา รีบไปปรึกษาแพทย์นะคะ ด้วยความเป็นห่วง
(สำหรับคนที่ไม่มีสิทธิเบิก แนะนำให้สอบถามค่าใช้จ่ายก่อนนะคะ การให้ยาสเตียรอยด์ ค่ายาค่อนข้างสูงค่ะ ถ้าหากมีสิทธิเบิกได้ไม่มีปัญหามากค่ะ)
(สำหรับคนที่ไม่มีสิทธิเบิก แนะนำให้สอบถามค่าใช้จ่ายก่อนนะคะ การให้ยาสเตียรอยด์ ค่ายาค่อนข้างสูงค่ะ ถ้าหากมีสิทธิเบิกได้ไม่มีปัญหามากค่ะ)
" ผิดพลาดประการใดขออภัยนะค่ะ...ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามคะ "
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น